วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

สรุปเนื้อหาบทที่2


บทที่ 2 e-Business Infrastructure

การรวมกันของฮาร์ดแวร์เช่น Server, Client PC ในองค์กรรวมถึงการใช้เครือข่ายในการเชื่อมโยงฮาร์ดแวร์เหล่านี้และการใช้งานซอฟต์แวร์ ที่ใช้ในการส่งมอบบริการให้กับผู้ใช้งานที่อยู่ในบริษัทและยังรวมถึงคู่ค้าและลูกค้าของตน ซึ่งคำว่า Infrastructure ยังรวมไปถึงสถาปัตยกรรมทางด้าน Hardware, Software และเครือข่าย ที่มีอยู่ในบริษัทด้วย  และท้ายที่สุด ยังรวมไปถึง กระบวนการในการนำเข้าข้อมูลและเอกสารเข้าสู่ระบบ e-Business ด้วย


รูปที่ 2.1 สถาปัตยกรรมของฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์, เนื้อหาและข้อมูล ที่ใช้ในธุรกิจบริการการส่งมอบให้กับพนักงาน, ลูกค้าและคู่ค้า

ส่วนประกอบของโครงสร้างพื้นฐาน e-Business
  1. e-Business service applications layer การบริการแอพพลิเคชั่น ในด้านการทำ CRM, SCM, การทำเหมืองข้อมูล, ระบบจัดการฐานข้อมูล
  2. System Software layer ระบบบริการซอฟต์แวร์ เช่น เว็บบราวซ์เซอร์, ซอฟต์แวร์จัดการเครือข่าย และการจัดการฐานข้อมูล
  3. Transport or Network layer ชั้นการขนส่งหรือเครือข่าย ดูในส่วนระบบทางกายภาพของเครื่อข่าย รวมไปถึงมาตรฐาน Protocol (TCP/IP)
  4. Storage/Physical layer ชั้นสำรองข้อมูล, เก็บข้อมูล โดยการแบ็คอัพข้อมูลด้วยวิธีการต่างๆ ไว้ในหน่วยความจำสำรอง
  5. Content and Data layer การจัดการข้อมูล เช่น เว็บแสดงเนื้อหาสำหรับ Intranet, Extranet และ Internet ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลรายงานประจำวัน เป็นต้น

ไฟร์วอลล์ (Firewall)
เป็นซอฟต์แวร์พิเศษที่ติดตั้งแยกจากเซิฟเวอร์เป็นจุด ขณะที่องค์กรเชื่อมต่อกับอินทราเน็ต เพื่อป้องกันข้อมูลขององค์กรไม่ให้รั่วไหล หรือป้องกันการเจาะข้อมูลจากด้านนอกเข้ามายังเซิฟเวอร์


รูปที่ 2.2 ตำแหน่งการติดตั้งไฟร์วอลล์ขององค์กร B2B

วิวัฒนาการเว็บไซต์
  • Web 1.0 
     
    เป็นการนำเอาข้อมูลที่ต้องการนำเสนอไปทำในรูปแบบของ html หรือนำข้อมูลต่างๆ ใส่ไว้ในเว็บไซต์หรืออินเตอร์เน็ต ผู้ใช้สามารถอ่านได้เพียงอย่างเดียว ส่วนเจ้าของเว็บจะมีหน้าที่ป้อนข้อมูลเข้ามา ซึ่งอาจจะเรียกวิธีการแบบนี้ว่าเป็นการสื่อสารแบบทางเดียว หรือ One Way Communication
  • Web 2.0 มีการพัฒนา Webboard, Blog มีการนำภาพนำวีดีโอมาโพส มีการแบ่งปัน แลกเปลี่ยนข้อมูลสารสนเทศ เรียกได้ว่า ผู้ใช้กลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ข้อมูลหรือเนื้อหาในเว็บไซต์นั้นมีการปรับปรุงและพัฒนาอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เว็บไซต์มีรูปแบบของการสื่อสารเป็นแบบสองทาง หรือ Two Way Communication
  • Web 3.0 เป็นยุคที่เน้นเรื่องการจัดการข้อมูลในเว็บมากขึ้น มีการแก้ไขปัญหาของข้อมูลหรือเนื้อหาที่ไม่มีคุณภาพต่างๆ ที่ Web 2.0 ได้สร้างขึ้นมากกว่าการสร้างบนพื้นฐานความรู้ใหม่ ซึ่งมีการขยายขนาดและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ช่วยให้ผู้ใช้ถึงจะสามารถเข้าถึงเนื้อหาหรือสิ่งที่ต้องการได้ง่ายและตรงความต้องการมากที่สุด สะดวกที่สุด
  • Web 4.0 เป็นยุคที่เรียกว่า “A Symbiotic web” คือเว็บที่ทำงานแบบ Artificial Intelligence (AI) ที่ฉลาดมากยิ่งขึ้น คอมพิวเตอร์สามารถคิดได้ มีความฉลาดมากขึ้น ในการอ่านทั้งเนื้อหา ข้อความ และรูปภาพ  หรือวีดีโอ สามารถที่จะตอบสนองหรือตัดสินใจได้ว่าจะโหลดข้อมูลอะไร จากที่ไหน ที่จะให้ประสิทธิภาพดีที่สุดมาให้ผู้ใช้งานก่อน  และยังมีรูปแบบการนำมาแสดงที่รวดเร็ว Web 4.0 จะทำให้เว็บ หรือข้อมูลต่างๆ สามารถทำงานได้แทบทุกเครื่อง หรืออาจจะช่วยระบุตัวตนที่แท้จริงของผู้ใช้เอง

ตัวอย่างเครื่องมือบนอินเทอร์เน็ต
  • E-mail
  • Instant messaging (IM) and Internet Relay Chat (IRC)
  • Usenet newsgroups
  • FTP file transfer
  • Telnet
  • Blogs
  • RSS (Really Simple Syndication)
  • World Wide Web
  • IPTV
  • BitTorrent

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น